3/20/08

17 มกราคม พ.ศ. 2551 อย.ไทย-จีนคุมคุณภาพสินค้า สนใจเมืองไทยใช้ช่องซีแอล

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10904

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือทางวิชาการกับสำนักงานอาหารและยาของประเทศจีน (State Food and Drug Administration : SFDA) ว่า ได้หารือในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การนำเทคนิคของอุปกรณ์ตรวจสอบคัดกรองคุณภาพยา ได้แก่ เครื่องสเปคโตรมิเตอร์วัดสเปคตรัมการสะท้อน การทะลุผ่าน และการดูดกลืนแสง (Near Infrared Spectrometer-NIR) มาใช้ตรวจคุณภาพยาในประเทศไทย เนื่องจากเป็นวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นที่มีข้อดีตรงที่ไม่ทำลายผลิตภัณฑ์ ลดภาระในการตรวจวิเคราะห์ สามารถคัดกรองผลิตภัณฑ์ที่สงสัยได้อย่างรวดเร็ว นพ.ศิริวัฒน์กล่าวว่า อย.ประเทศจีนยินดีให้การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงาน รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบและการควบคุมตามกฎหมาย โดยจัดทำฐานข้อมูลกฎหมาย พัฒนาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ และกำหนดตัวบุคคลที่สามารถติดต่อได้เมื่อพบผลิตภัณฑ์ที่เป็นปัญหานอกจากนี้ การที่ผู้ประกอบการของไทยบางส่วนยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับช่องทางการติดต่อและระเบียบกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของประเทศจีน จึงมักประสบปัญหาการจดทะเบียนสินค้าประเภทยาและอาหารในจีน ทั้งที่ผลิตภัณฑ์อาหารและยาบางประเภทมีคุณภาพและเป็นที่นิยมในประเทศเพื่อนบ้านของไทย แต่ไม่สามารถเปิดตลาดเพื่อจำหน่ายในจีนได้ นพ.ศิริวัฒน์กล่าวว่า SFDA ของจีนได้อนุเคราะห์ในการจัดหาผู้ทรงคุณวุฒิมาเป็นวิทยากรบรรยายในเรื่องกฎระเบียบของจีนให้แก่ผู้ประกอบการฝ่ายไทย และฝ่ายไทยจะจัดส่งผู้เชี่ยวชาญไปบรรยายแก่ผู้ประกอบการจีนเช่นกัน ส่วนทางด้านการพัฒนาการควบคุมคุณภาพวัคซีน จะมีการพัฒนาความร่วมมือกับ อย.ในเรื่องต่างๆ เช่น การตรวจสอบการทดลองทางคลีนิค หน่วยงานที่ได้รับมอบอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ก่อนออกสู่ท้องตลาด การตรวจประเมินคุณภาพและการตรวจมาตรฐานการผลิตวัคซีน โดยจะมีการหารือในการประชุมครั้งต่อไป การประชุมร่วมกับ อย. ของประเทศจีนประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจะช่วยให้ทั้ง 2 ประเทศได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำสิ่งที่เป็นประโยชน์มาใช้ในการดำเนินงานด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพต่อไป ทั้งนี้ อย. ประเทศจีนยังมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องการบังคับใช้สิทธิตามสิทธิบัตรยา (ซีแอล) โดยได้เสนอให้มีกลุ่มแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างไทยและจีนในประเด็นนี้ด้วย (กรอบบ่าย)หน้า 10